10 เมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก
ไม่ว่าคุณจะอยากจูงมือคนรักหนีไปท่องเที่ยวในทริปสุดโรแมนติก หรือแค่กำลังมองหาคนรู้ใจในคอร์สเรียนภาษาในต่างประเทศ (ใช่แล้ว มันเกิดขึ้นจริงๆ) ลิสต์เมืองที่อบอุ่นด้วยบรรยากาศแห่งความรักที่เบ่งบานน่าจะสร้างแรงบันดาลใจและช่วยคุณได้
และนี่คือลิสต์เมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก นับตั้งแต่เมืองสุดคลาสสิกบางแห่ง ไปจนถึงบรรดาเมืองน้องใหม่ที่น่าตื่นเต้น (และไม่คาดคิดมาก่อน):
1. ปารีส ฝรั่งเศส
ปารีสมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ “เมืองแห่งความรัก” ซึ่งมอบประสบการณ์สุดโรแมนติกที่ไม่มีที่ใดเหมือน การสำรวจคือคำสำคัญในที่นี้ ฉะนั้น ให้คุณโยนตารางท่องเที่ยวทิ้งไปแล้วออกท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ แทน แวะเข้าไปในร้านเบเกอรี่เพื่อชิมขนมอบสดๆ ใหม่ๆ กับคนรัก ออกไปนั่งตามร้านอาหารในช่วงบ่ายเพื่อจิบไวน์สักแก้วสองแก้ว แล้วชื่นชมสถาปัตยกรรมในขณะที่คุณเดินเล่นไปตามถนนหินในย่านเลอ มาเรส์ในยามโพล้เพล้ การได้ยินและพูดภาษาฝรั่งเศสจะช่วยเพิ่มความโรแมนติกยิ่งขึ้น เพราะภาษาฝรั่งเศสเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นภาษาที่โรแมนติกที่สุด แล้วถ้าคุณอยากให้การเยี่ยมชมกรุงปารีสของคุณพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ให้คุณลองอยู่ให้นานขึ้นอีกนิด แล้วเข้าคอร์สเรียนภาษาด้วยกัน
2. โรม อิตาลี
เมืองหลวงของอิตาลีคือหนึ่งในเมืองที่มีความหลากหลายมากที่สุดที่คุณควรไปเยือนกับคนรักของคุณ มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีเสน่ห์เทียบเท่ากับกรุงโรม และบรรยากาศแห่งความคิดถึงที่แทรกซึมอยู่ทุกมุมเมืองทำให้ที่นี่ยากจะต้านทานขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบความโรแมนติก และเราบอกหรือยังว่าวัฒนธรรมและอาหารของที่นี่ไม่เป็นที่สองรองใคร? ยังโน้มน้าวไม่พอใช่ไหม? ให้คุณไปดูหนังคลาสสิกอย่าง Roman Holiday (1953) หรือ La Dolce Vita (1960) แล้วมาแย้งเราได้เลยถ้าสิ่งที่เราพูดทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริง
3.เวนิส อิตาลี
นี่คือจุดหมายปลายทางสุดคลาสสิกในอิตาลีที่ไม่อาจละเลยได้ เสน่ห์มนต์ขลังของเวนิสยากจะหาที่เปรียบและไม่อาจปฏิเสธได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เวนิสสามารถทำให้นักวิจารณ์ที่ใจแข็งที่สุดซึ่งไม่เห็นด้วยกับเหล่าสาวกของเวนิสต้องเปลี่ยนใจ ด้วยคลองที่มอบทิวทัศน์แสนสวยของเรือกอนโดลาที่ดูน่าอบอุ่น ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของการเดินทางไปยังเมืองหลวงแห่งความโรแมนติกแห่งนี้ คือ คุณไม่ใช่คนเดียวที่อยากไป เมืองแห่งนี้ต้อนรับผู้มาเยือนมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี ฉะนั้น เราขอแนะนำให้คุณไปในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวเพื่อให้ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย (และใกล้ชิดกัน) ขึ้นอีกเล็กน้อย ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ (ใครสนใจวาเลนไทน์ในเวนิสบ้างไหม?) และปลายฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
4. เบอร์ลิน เยอรมนี
บางครั้ง เมืองที่น่ารักและน่าสนใจที่สุดในเยอรมนีอาจมีชื่อเสียงในทางลบว่าเป็นเมืองที่หนักและกระด้างอยู่บ้าง แต่เบอร์ลินมีความลับซ่อนอยู่ คือ ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่อดทนและเปิดเผยมากที่สุดในโลก ซึ่งโอบอุ้มความรักโดยไม่มีการตีตราหรือตั้งข้อจำกัด เมืองหัวก้าวหน้าแห่งนี้ให้คุณได้เป็นตัวของตัวเองและอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างเสรี จูงมือคนรักของคุณท่องไปในศูนย์รวมแห่งสวนสวย พิพิธภัณฑ์ และประวัติศาสตร์แห่งนี้ ตบท้ายด้วยการแวะไปเที่ยวคลับสักคืนสองคืน (ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณชอบ)
5. บูดาเปสต์ ฮังการี
เมืองหลวงของฮังการีแห่งนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางไปสัมผัสบ้านเกิดแห่งรักอันแสนสงบก่อนที่นักท่องเที่ยวจะพรั่งพรูกันเข้ามา วันหยุดเงียบๆ ห่างไกลจากเสียงจอแจของถนนที่แออัดอาจเป็นสิ่งที่คุณและคนรักต้องการอย่างแท้จริง คุณอาจจะแอบหอมแก้มกันเบาๆ บนสะพานโซ่เซเชนยี (Széchenyi Chain Bridge) หรือไปเดินเล่นเลียบแม่น้ำดานูบเพื่อดื่มด่ำความโรแมนติกจนเต็มอิ่ม จุดท่องเที่ยวที่เงียบสงบและได้รับการประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงของบูดาเปสต์จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณไม่รู้จบ
6. โฮโนลูลู สหรัฐอเมริกา
หาดทรายแสนบริสุทธิ์ ตะวันตกดินสุดตระการตา สวนสวยเขียวขจี และอาหารในท้องถิ่นรสเยี่ยม… โฮโนลูลูมีทุกสิ่งที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวพักผ่อนสุดโรแมนติกสำหรับคู่รักทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมว่ายน้ำกับโลมาไปจนถึงการโต้คลื่นที่ดุดัน หรือแค่ผ่อนคลายบนชายหาดแสนสวยทั้งวัน โฮโนลูลูมอบกิจกรรมที่โรแมนติกและน่าตื่นเต้นทุกรูปแบบที่คุณจะสามารถนึกได้ ส่วนข้อดีที่สุดน่ะหรือ? ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งปี โดยมีอุณหภูมิที่แทบไม่เคยลดลงต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส
7. แวนคูเวอร์ แคนาดา
เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อว่า เมืองที่งดงามและมีชีวิตชีวาอย่างแวนคูเวอร์มักหลุดโผอยู่เป็นประจำ มีเมืองเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มอบทุกสิ่งให้คุณได้อย่างครบครันเหมือนอย่างที่เมืองนี้สามารถทำได้ บอกชื่อสิ่งที่คุณอยากได้มา แวนคูเวอร์มีให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าที่น่าตื่นเต้น สกีระดับโลก หรือการเดินเล่นผ่อนคลายไปตามชายหาดที่เงียบสงบ ที่นี่มีแม้กระทั่งกิจกรรมเดินบนสะพานแคบๆ ที่ออกจะน่ากลัวนิดๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาสุดสวีทซึ่งจะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีดแรง
8. บาร์เซโลนา สเปน
พาคนรักของคุณไปยังเมืองหลวงแห่งความเป็นสากลที่มีชายหาดอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงแค่ 10 นาที บาร์เซโลนาเป็นเมืองในรูปแบบที่พบได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งสามารถผสมผสานวัฒนธรรมเมืองและวัฒนธรรมชายหาดเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน ที่นี่ทั้งผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา และตลอดช่วงเย็นที่แสนจะโรแมนติก คุณสามารถจิบเครื่องดื่มและลิ้มรสทาปาสที่บาร์ชั้นดาดฟ้า จากนั้นจึงไปสนุกสนานบนชายหาด แล้วรอชมตะวันตกดินที่งดงามราวกับภาพวาดในอีกไม่กี่นาที สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ชื่นชอบความโรแมนติกอื่นๆ ในเมืองแห่งนี้ ได้แก่ ย่านกอธิค (Gothic Quarter) สวนสาธารณะปาร์ค กูเอล (Park Güell) โรงละครเก่าแก่ (Antic Teatre) และสวนสาธารณะชิวตาเดลลา (Ciutadella Park)
9. อุเดปุระ อินเดีย
เมืองนี้อยู่นอกเส้นทางหลักๆ ที่ผู้คนมักเดินทางไปอยู่เล็กน้อย แต่ก็งดงามไม่แพ้ที่อื่นๆ อุเดปุระซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของอินเดียเต็มไปด้วยกลิ่นอายของของความโรแมนติก พร้อมด้วยวัฒนธรรมที่วิจิตรบรรจงและทัศนียภาพอันน่าตื่นตา ทะเลสาปพิโชล่า (Pichola Lake) จะมีเสน่ห์ที่สุดในช่วงกลางคืนด้วยกิจกรรมล่องเรือบนทะเลสาบ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่โรแมนติกที่สุดที่คุณจะมอบให้คนรักของคุณได้ และเราได้พูดถึงอาหารเลิศรสและโรงแรมสุดตระการตาแล้วหรือยัง? ถูกแล้ว อุเดปุระอาจยังไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในตอนนี้ แต่จะเป็นในเร็วๆ นี้แน่นอน
10. ดูบรอฟนิกโครเอเชีย
กำลังมองหาเมืองซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่เป็นแบบฉบับแท้ๆ และบรรยากาศสุดโรแมนติกในจุดหมายปลายทางที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นใช่ไหม? เมืองชายฝั่งของโครเอเชียแห่งนี้คือยาขนานเอกสำหรับคุณ ด้วยกิจกรรมสร้างความสนิทสนมมากมายและทิวทัศน์แสนสวย ดูบรอฟนิกก็คือโปสการ์ดที่มีชีวิตดีๆ นี่เอง ที่นี่มีกระเช้าไฟฟ้าที่น่ารักสำหรับชมวิวเมืองและท้องทะเลจากมุมสูง รวมทั้งเกาะแสนอร่อย (Lokrum) ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นที่นิยมในอีกไม่ช้า ที่นี่มีแม้กระทั่งบาร์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผา เมืองที่แสนจะโรแมนติกแห่งนี้สามารถเข้าไปสัมผัสได้ง่าย แต่ลบเลือนจากความทรงจำได้ยาก