ในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์ประมาณ 250,000 คำที่เป็นคำที่มีความหมายเดียว และอีก 3 เท่าของจำนวนนี้ คือ คำศัพท์ที่มีความหมายมากกว่า 1 ความหมาย แต่อย่างไรก็ดี ครูสอนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะบอกว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่สำคัญและจำเป็นเพียง 3,000 คำก็จะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้มากถึง 90 – 95% ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือทั่วไป ดูภาพยนตร์และในการสนทนา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำศัพท์จำนวนนี้ คุณจะสามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยดูจากบริบทต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญ คือ การเลือกเรียนรู้คำศัพท์อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อคุณจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องเสียเวลาอันมีค่าของคุณไปโดยเปล่าประโยชน์
เรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดก่อน
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการจัดลำดับความสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ คือ การเริ่มต้นด้วยคำที่ใช้บ่อยที่สุด หากคุณพึ่งเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ ลิงก์ด้านล่างนี้เหมาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีจำนวนคำศัพท์ไม่มากจนเกินไป ขอให้ใช้พจนานุกรมหรือแหล่งข้อมูลออนไลน์อื่น ๆ เพื่อค้นหาความหมายของคำที่คุณไม่รู้จัก การใช้บัตรคำทั้งแบบกระดาษหรือแบบออนไลน์ยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ กุญแจสำคัญในการท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ หมั่นฝึกฝนและทบทวน
- คำศัพท์ 100 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
- คำนาม 50 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
- คำกริยา 50 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
- คำคุณศัพท์ 50 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วยวิธีที่ได้ผลจริง
เมื่อคุณสามารถจดจำและใช้คำศัพท์ด้านบนได้อย่างช่ำชองแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะเริ่มต้นเรียนคำศัพท์ใหม่ ๆ ในรายการด้านล่างได้ โปรดจำไว้ว่า ถึงแม้ว่าเจ้าของภาษาเองก็ยังต้องเรียนรู้คำศัพท์อย่างน้อย 20,000 คำขึ้นไป แต่หากคุณเลือกจดจำคำศัพท์ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ การเรียนรู้คำศัพท์เพียง 3,000 คำจะช่วยให้คุณเข้าใจภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการเขียนในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ได้ ในรายการคำศัพท์ด้านล่างนี้ได้รวบรวมคำศัพท์ที่พบได้บ่อยไว้ให้กับคุณแล้ว แต่คุณจะไม่พบคำศัพท์ง่าย ๆ เช่น "tiger", "skirt" หรือ "spaghetti" เป็นต้น เนื่องจากเป็นคำง่าย ๆ สำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คุณต้องให้ความสำคัญกับการท่องจำคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันก่อน มากกว่าเรียนคำศัพท์อย่างสะเปสะปะซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว คุณอาจจะไม่ได้ใช้คำศัพท์เหล่านั้นเลยก็เป็นได้